ตอนที่ 7 โซมาเลีย : ดินแดนแห่งความยากจนและหิวโหย

วันอังคารที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2554

ในช่วงเดือนนี้ถ้าจะพูดถึงข่าวคราวโลกมุสลิมแล้วก็คงจะไม่มีข่าวใดที่จะฟังแล้วรู้สึกสะเทือนใจไปมากกว่าความยากจนแร้นแค้นและขาดแคลนอาหารของพี่น้องมุสลิมชาวโซมาเลียซึ่งถือเป็นประเทศมุสลิมประเทศหนึ่งที่มีปัญหาเรื่องการขาดแคลนอาหารและยากจนที่สุดในโลกตามการจัดอันดับของนิตยสารฟอบส์ประจำปี 2011   
โซมาเลียนั้นหากจะกล่าวไปแล้วก็คงไม่ต่างมากนักจากสภาพความเป็นอยู่ของมุสลิมในประเทศอื่นๆบนแผนดินอัฟริกาที่ประสบกับปัญหาการขาดแคลนด้านอาหารอย่างหนักและเรื้อรังมาตลอดกว่าหลายสิบปีแต่ด้วยปัจจัยหลายๆอย่างที่โซมาเลียกำลังประสบอยู่ในขณะนี้เลยทำให้สถานการณ์การขาดแคลนด้านอาหารของโซมาเลียมีความรุนแรงเข้าขั้นวิกฤติและรุนแรงกว่าประเทศอื่นๆในละแวกเดียวกันหลายเท่านัก โดยปัจจัยหลักๆส่งผลกระทบกับการขาดแขลนของโซมาเลียมีดังนี้

1.โซมาเลียไม่สามารถผลิตอาหารเองได้อย่างเพียงพอ
ถึงแม้ว่าโซมาเลียจะจัดอยู่ในประเทศที่มีขนาดพื้นที่ใหญ่ในระดับกลางและมีทางออกทางทะเลยาวกว่า 3,000 กิโลเมตรแต่เป็นที่น่าเสียดายว่าเนื้อที่ประมาณครึ่งหนึ่งของประเทศเป็นพื้นที่ทะเลทรายที่แห้งแล้ง ไม่มีป่าไม้ แม่น้ำ จึงไม่สามารถทำเกษตรกรรมได้อย่างเต็มที่ ด้วยเพราะเหตุนี้จึงทำให้ประชาชนชาวโซมาเลียบางส่วนไม่สามารถที่จะผลิตอาหารเพื่อเลี้ยงตัวเองได้อย่างเพียงพอ เกิดความยากจน ขาดสารอาหาร และมักจะต้องนำเข้าอาหารจากต่างประเทศเสียเป็นส่วนใหญ่


จากแผนที่จะเห็นได้ว่าครึ่งหนึ่งของประเทศโซมาเลียเป็นเขตทะเลทรายซึ่งไม่สามารถทำการเกษตรและเลี้ยงสัตว์ได้ ส่งผลให้ขาดแคลนอาหารและไม่เพียงพอต่อความต้องในภายในประเทศ

2.ความอ่อนแอและไร้ประสิทธิภาพด้านเศรษฐกิจของรัฐบาล
ด้วยเพราะประชาชนส่วนใหญ่ยากจน ไม่มีรายได้ ไม่มีงานทำ และไม่สามารถผลิตอาหารเองได้ทำให้โซมาเลียขาดสภาพคล่องทางเศรษฐกิจตามมาด้วย กล่าวคือ ไม่มีการผลิตสินค้าและบริการ ไม่เกิดการค้าขาย และมีเกิดการกระจายรายได้อย่างทั่วถึงภายในประเทศ จะมีก็แต่การนำเข้าเสียเป็นส่วนใหญ่ทำให้รัฐบาลโซมาเลียมีแต่รายจ่าย แต่ขาดแคลนรายได้  จึงทำให้รัฐบาลมีงบประมาณติดลบ(ขาดดุล)จนในที่สุดก็ขาดประสิทธิภาพในการบริหารระบบเศรษฐกิจของประเทศ และทำให้รัฐบาลอ่อนแอลงเรื่อยๆตามลำดับ

3.สงครามกลางเมืองและการแบ่งแยกดินแดน
โซมาเลียนั้นยังมีความขัดแย้งและมีสงครามกลางเรื้อรังมาตลอดกว่าหลายสิบปีเนื่องจากมีกลุ่มชาติพันธุ์หลายกลุ่มที่ต้องการมีเอกราชเป็นของตนเองเช่น กลุ่มทางตอนเหนือของประเทศที่ต้องกาจัดตั้งประเทศ SOMALLILAND , MAAKHIR และ PUNTLAND โดยเฉพาะในรัฐ MAAKHIR ที่ยังมีการต่อสู้กันอยู่ระหว่างกองกำลังติดอาวุธกับรัฐบาลชั่วคราวโซมาเลีย  จากผลกระทบของสงครามกลางเมืองที่เรื้องรังนี้ได้ทำให้รัฐบาลเกิดความสั่นคลอน ขาดความมั่นคง และทำให้เกิดการขาดแคลนอาหารที่รุนแรงเพิ่มขึ้นมาอีกทั้งๆที่ในสถานการณ์ปกติอาหารก็ไม่เพียงพอต่อความต้องการอยู่แล้ว


สถานการณ์สงครามกลางเมืองของกลุ่มต่างๆกับรัฐบาลชั่วคราวทำให้เกิดการขาดแคลนอาหารและ ยารักษาโรคเพิ่มขึ้นไปอีกโดยเฉพาะในเขตชนบทที่หน่วยงานให้ความช่วยเหลือเข้าไปไม่ถึงเพราะมีกลุ่มติดอาวุธควบคุมอยู่

4.ขาดเสถียรภาพทางการเมืองของรัฐบาล
นับตั้งแต่เกิดสงครามกลางเมืองในปี ค.ศ.1991 เป็นต้นมา โซมาเลียยังไม่มีรัฐบาลกลางเลย! จะมีก็เพียงแต่รัฐบาลชั่วคราวที่ครองอำนาจมานานกว่า 13 ปี และยังไม่มีทีท่าว่าจะมีการจัดการเลือกใหม่ตั้งเมื่อใด เนื่องจากรัฐบาลชั่วคราวเองก็ยังไม่ประสบความสำเร็จในการเจรจาสงบศึกและประสานความสามัคคีกับกลุ่มแบ่งแยกดินแดนกลุ่มต่างๆในประเทศ อีกทั้งในปัจจุบันรัฐบาลก็ขาดประสิทธิภาพในการดูแลความสงบภายในประเทศ มีการก่อความวุ่นวาย ลักขโมย ฆ่าตกรรม ร่วมถึงการตั้งกลุ่มเป็นโจรสลัดปล้นเรือสินค้า โดยที่รัฐบาลไม่สามารถบังคับใช้กฎหมายปราบปรามและควบคุมได้เพราะรัฐบาลอ่อนแอและขาดขีดความสามารถในการดำเนินการ


Sheikh Sharif bin Sheikh Ahmed ประธานาธิบดีคนปัจจุบันของรัฐบาลชั่วคราวโซมาเลีย

                ทั้งสี่ข้อในเบื้องต้นนั้นเป็นเพียงแค่สาเหตุสำคัญๆบางส่วนที่มีผลต่อความยากจนและขาดแคลนอาหารในโซมาเลียในปัจจุบัน และถึงแม้ในระยะสั้นจะมีองค์และหน่วยงานการกุศลมากมายทั้งระดับประเทศและระดับนานาชาติพยายามยื่นมือเข้ามาช่วยด้วยการบริจาคอาหารและเครื่องดื่มเป็นจำนวนมากทั้ง หน่วยงานกาชาดของสหประชาชาติ หน่วยงานสาธารณสุขของกลุ่มประเทศอาหรับ เอเชีย และยุโรป เป็นต้น แต่ในระยะยาวนั้นความช่วยเหลือในลักษณะเฉพาะหน้าแบบนี้คงไม่สามารถแก้ไขปัญหาการขาดแคลนอาหารให้กับโซมาเลียได้อย่างถาวรนอกจากต้องแก้ไขปัญหาภายในของโซมาเลียก่อนเช่น การเร่งเจรจาสงบศึกกับกลุ่มแบ่งแยกดินแดน เร่งปฏิรูปการเมือง  เร่งจัดการเลือกตั้งเพื่อให้ได้มาซึ่งรัฐบาลที่ชอบธรรมและพร้อมแก้ไขปัญหาของชาติ เร่งส่งเสริมอาชีพและการผลิตให้กับประชาชน และที่สำคัญคือเร่งพัฒนาแหล่งทรัพยากรน้ำมันใต้ดินที่โซมาเลียมีอยู่พอสมควรเพื่อนำรายได้มาฟื้นฟูระบบเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ของประชาชนให้ดีขึ้น

โซมาเลียกับความเกี่ยวข้องกับการเมืองระดับนานาชาติ

             ด้วยที่ตั้งอันได้เปรียบของโซมาเลียที่ตั้งอยู่บริเวณปากอ่าวทะเลเอเดนและมหาสมุทรอินเดียซึ่งมีการจราจรของขบวนเรือสินค้าจากทั่วโลกอย่างคับคั่ง มีทรัพยากรน้ำมัน และยังเป็นจุดยุทธศาสตร์ทางการทหารที่ดีจึงปฏิเสธไม่ได้ว่ามีชาติมหาอำนาจหลายชาติต้องการเข้ามาครอบงำและแสดงอิทธิผงของตนเองในพื้นที่แถบนี้มาตลอดตั้งแต่สมัยยุคล่าอาณานิคมแล้ว  ในปัจจุบันก็ยังคงมีมหาอำนาจตัวหลักๆอย่างสหรัฐอเมริกาที่ยังต้องการแสดงอิทธิผลของตนเองในพื้นที่แถบนี้เพื่อคุ้มครองเส้นทางการเดินเรือสินค้าและน้ำมันจากตะวันออกกลางตลอดจนคุ้มครองผลประโยชน์ทางธุรกิจและการเมืองอื่นๆของตนเองที่มีอยู่ในแถบนี้ที่อาจจะเสี่ยงต่อการถูกคุกคามในทุกรูปแบบได้ตลอดเวลา 
 ผู้นำโซมาเลียครั้งเข้าพบ นางฮิลารี่ คลินตัน รมต.ต่างประเทศสหรัฐ เพื่อหารือข้อราชการเเละขอความช่วยเหลือด้านความอดยาก จะเห็นได้ว่าสหรัฐยังให้ความสำคัญกับโซมาเลียตราบใดที่โซมาเลียยังมีประโยชน์ต่อสหรัฐ
               
     แต่ก็ยังเป็นที่น่าเสียดายว่าโซมาเลียเองยังไม่สามารถงัดความได้เปรียบจากตรงนี้มาใช้ในการพัฒนาประเทศและใช้เป็นเกมส์การเมืองต่อรองผลประโยชน์กับชาติมหาอำนาจได้เท่าที่ควร เพราะรัฐบาลอ่อนแอ มีปัญหาภายในมากมาย  และไม่มีงบประมาณในการพัฒนาน่านน้ำของตนเองให้เป็นจุดพักสินค้าที่ได้มาตรฐานสากล(ท่าเรือน้ำลึก)ได้  นับได้ว่าโซมาเลียเสียโอกาสอย่างยิ่งในการพัฒนาและสร้างรายได้จำนวนมหาศาลเข้าประเทศ

0 ความคิดเห็น: