แต่แล้วอารยธรรมอิสลามที่กำลังเฟื่องฟูอยู่ในขณะนั้นก็เริ่มอ่อนแอลงและจางหายไปทีละนิดที่ละน้อยตามความอ่อนแอลงของอาณาจักรอิสลามในราชวงศ์ท้าย
ร่วมไปถึงความเสื่อมโทรมลงในเรื่องของคุณธรรมจริยธรรมอิสลามของผู้นำและประชาชนในสมัยนั้น
โดยเฉพาะการสูญเสียของอารยธรรมอิสลามจากผลของสงครามซึงมักมีสงครามกับ มองโกล
เปอร์เซีย และโรม อยู่บ่อยๆ
โดยเฉพาะการโจมตีของมองโกลที่ทำให้ศิลปวิทยาการต่างๆของมุสลิมในสมัยนั้นถูกทำลายไปเป็นจำนวนมาก
เพราะทหารมองโกลได้ทำลายสถานที่อันทรงคุณค่าด้านสถาปัตยากรรมตลอดจนทิ้งตำรามากมายลงในแม่น้ำซึ่งถือเป็นการทำลายองค์ความรู้ที่สั่งสมมานานนับร้อยปีไปอย่างน่าเสียดาย
จนถึงในปัจจุบันที่กาลเวลาได้ผ่านไปแล้วกว่าหลายร้อยปี ถึงแม้อารยธรรมอิสลามบางส่วนได้ถูกทำลายไป แต่ก็ยังมีอีกส่วนหนึ่งที่ยังคงหลงเหลือให้เห็นและมีใช้กันอยู่ในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของ ศาสนา ภาษา ประเพณี การแต่งกาย การศึกษา และสถาปัตกรรมและศิลปกรรมต่างๆ เป็นต้น
เช่นในประเทศแทบเอชียกลางและจีนที่ยังผู้นับถืออิสลามอยู่เป็นจำนวนมาก
ร่อยรอยของการแผ่ขยายาอิสลามในยุคก่อนก็ยังคงหลงเหลือให้ศึกษา เช่น วัตุถโบราณ
ศาสนสถาน ภาษา และประเพณีการแต่งกาย
ซึ่งถ้าจะพูดไปแล้วอารยธรรมอิสลามนั้นเป็นอารยธรรมที่สามารถพัฒนาจากอารยธรรมญาฮีลียะห์มาสู่การเป็นอารยธรรมที่รุ่งเรืองเจริญก้าวหน้าและสามารถสร้างจุดเด่นให้กับอารยธรรมของตัวเองให้เป็นที่ประจักษ์และเป็นที่รับรู้ เป็นที่น่าชื่นชมได้มากกว่าอรรยธรรมของชนชาติอื่นๆที่มักจะอ่อนแอ ถูกปลอยปละละเลย ไปตามกาลเวลา และไม่สามารถยืนยัดอยู่ได้ในสถานการณ์อันเลวร้ายต่างๆที่ผ่านเข้ามา จนในท้ายที่สุดแล้ว ก็มักจะถูกลบล้างไปด้วยการบุกรุกมาถึงของอารยธรรมของชนชาติอื่นๆในที่สุด.
References:
1) Suhail Hussein.(2001).Diplomacy Annabi
Muhammad(s.a.w):Dirasah Muqaranad
Muhammad(s.a.w).Beirut:Daral
Fikri al-Arabi.
2) M.I.Naved.(2010).Damascus
and Baghdad Empires. New Delhi: Anmol Publication Pvt. Ltd
3) Thomas Arnold.(2001).The Spread of Islam in
the World : A history of Peacful
Preaching.
New Delhi :
Goodword Books.
4) อาลี เสือสมิง.(2554). ประวัติศาสตร์อัล-อันดะลุส. กรุงเทพ: ศูนย์หนังสืออิสลาม
5) อับดุเลาะ อุมา.(2550). เอกสารการสอนวิชาหลักการบริหารและปกครองรัฐในอิสลาม
3,
สาขาวิชารัฐประศาสนสตร์, มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
6) อับดุลลอฮฺ อัลกอรี.(2546).ดลมนรรจน์
บากา แปล,สี่เคาะลีเฟาะฮฺ ผู้ทรงธรรม.กรุงเทพ
สำนักพิมพ์อิสลามิคอะเคเดมี